ข้อมูลภาษี

หน่วยงาน Federal Administration of Public Revenues หรือ AFIP คือ หน่วยงานหลักของอาร์เจนตินาที่กำกับดูแลการจัดเก็บภาษี ซึ่งเป็นหน่วยราชการสังกัดกระทรวงเศรษฐกิจ (www.afip.gov.ar)

ภาษีที่รัฐบาลกลางเป็นผู้จัดเก็บ
ภาษีที่รัฐบาลกลางเป็นผู้จัดเก็บ ประกอบด้วย ภาษีรายได้ ภาษีขั้นต่ำของธุรกิจ ภาษีมูลค่าเพิ่ม(IVA) ภาษีทรัพย์สินส่วนบุคคล (personal assets tax) ภาษีนำเข้าและส่งออก และภาษีธุรกรรมการเงินและการธนาคาร
  • ภาษีรายได้
บุคคลที่มีถิ่นพำนักถาวรอยู่ในอาร์เจนตินาต้องชำระภาษีรายได้บุคคลธรรมดาในอัตราร้อยละ 9-35 ขึ้นอยู่กับเงินรายได้ของแต่ละบุคคล ตามหลักการจัดเก็บภาษีอัตราก้าวหน้า (progressive taxation)
 
สำหรับภาษีรายได้ของบริษัท ประกอบด้วย  1) ภาษีรายได้บริษัทในอัตราร้อยละ 9-35 จากผลกำไรทั้งหมดที่ได้รับจากการประกอบธุรกิจและการขายทรัพย์สิน (capital gain) และ 2) ภาษีขั้นต่ำของธุรกิจหรือ Minimum Presumptive Income Tax-MPIT ในอัตราร้อยละ 1 ของมูลค่าหลักทรัพย์ (assets) ที่บริษัทครอบครองทั้งภายในและนอกประเทศ ซึ่งคำนวณจากราคาท้องตลาด ทั้งนี้ บริษัทจะได้รับการยกเว้น MPIT ในกรณีที่หลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นการลงทุนก่อสร้างหรือจัดซื้อใหม่ (เป็นเวลา 2 ปี) หรือบริษัทดังกล่าวมีมูลค่าหลักทรัพย์น้อยกว่า 200,000 เปโซลงไป
 
โดยที่ภาษีขั้นต่ำของธุรกิจมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันมิให้รัฐสูญเสียรายได้ในกรณีที่บริษัทเกิดการขาดทุน ดังนั้น หากบริษัทมีสัดส่วนของภาษีขั้นต่ำของธุรกิจสูงกว่าภาษีรายได้ในปีเดียวกัน บริษัทสามารถนำส่วนต่างดังกล่าวมาใช้สิทธิในการลดหย่อนภาษีรายได้ในปีถัดไป
  • ภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม(IVA)ในอัตราร้อยละ 21 สำหรับการขายสินค้าและบริการทุกประเภท รวมถึงสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีการยกเว้นภาษีดังกล่าวสำหรับผู้ส่งออกและบริษัทในเขตอุตสาหกรรมพิเศษ
  • ภาษีทรัพย์สินส่วนบุคคล
นอกเหนือจากภาษีรายได้ บุคคลที่มีถิ่นพำนักถาวรอยู่ในอาร์เจนตินาต้องชำระภาษีทรัพย์สินส่วนบุคคลเป็นประจำทุกปีในอัตราร้อยละ 0.5-1.25 ขึ้นอยู่กับมูลค่าหลักทรัพย์ของแต่ละบุคคลทั้งภายในและนอกประเทศ โดยเริ่มจัดเก็บภาษีสำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่ามากกว่า 305,000 เปโซขึ้นไป
 
นักลงทุนหรือบริษัทต่างชาติจะต้องชำระภาษีทรัพย์สินส่วนบุคคลในอัตราร้อยละ 2.5 ของมูลค่าหลักทรัพย์ที่มีอยู่ในอาร์เจนตินา
  • ภาษีนำเข้าและส่งออก
ภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอยู่ในอัตราร้อยละ 0.5-35 ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า ในขณะเดียวกัน อาร์เจนตินาให้สิทธิพิเศษทางพิกัดอัตราศุลกากร (Tariff Preference) แก่ประเทศสมาชิก Latin American Integration Association-ALADI สำหรับสินค้าบางรายการ สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซด์ http://www.aladi.org (เฉพาะภาษาเสปน)
 
ภายใต้ความร่วมมือตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่างหรือ MERCOSUR ประเทศสมาชิก ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล อุรุกวัย และปารากวัย ได้เจรจาตกลงทางการค้าเพื่อยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศสมาชิก MERCOSUR ส่วนใหญ่ อีกทั้ง มีระบบการเก็บภาษีต่อประเทศนอกกลุ่มในอัตราเดียวกัน (Common External Tariff – CET) ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2538 โดยมีอัตราระหว่างร้อยละ 0-20 ครอบคลุมสินค้าประมาณร้อยละ 85 ของรายการสินค้าทั้งหมด อย่างไรก็ตาม CET มิได้มีผลบังคับใช้กับสินค้าทุกรายการของประเทศสมาชิก แต่ละประเทศสามารถกำหนดรายการสินค้าของตนเองที่เป็นข้อยกเว้นไม่ใช้ CET ที่แตกต่างกันไป
 
สำหรับภาษีส่งออกอยู่ในอัตราร้อยละ 0-46 ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าภาคการเกษตรถั่วเหลือง ธัญพืช  และเนื้อวัว ในขณะที่ สินค้าของภาคอุตสาหกรรมบางประเภทก็ต้องชำระภาษีส่งออกเช่นกัน อาทิ ชิ้นส่วนและอะไหล่รถยนต์ เป็นต้น
  • ภาษีธุรกรรมการเงินและการธนาคาร
รัฐบาลกลางจะจัดเก็บภาษีจากการฝากและถอนเงินจากบัญชีธนาคาร (bank credits and debits) ในอัตราร้อยละ 0.6 ทุกครั้งเมื่อมีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบธนาคาร อาทิ เมื่อมีการชำระเงินโดยการใช้เช็คหรือบัตรเครดิต ผู้ใช้จะต้องชำระภาษีในอัตราร้อยละ 0.6 ของจำนวนเงินที่ถอนออกจากบัญชี ในขณะเดียวกัน เมื่อผู้ที่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวประสงค์จะฝากเงินเข้าบัญชีของตนก็ต้องเสียภาษีอีกร้อยละ 0.6 ดังนั้น อัตราภาษีธุรกรรมการเงินของธนาคารโดยรวมจะอยู่ที่ร้อยละ 1.2 
 
ภาษีที่จ่ายให้กับรัฐบาลท้องถิ่น
ภาษีที่รัฐบาลจังหวัดและรัฐบาลท้องถิ่นเป็นผู้จัดเก็บ ประกอบด้วย ภาษีที่ดิน (property tax) ภาษีรายได้รวม(gross income tax) และภาษีเทศบาล (municipality tax)
  • ภาษีที่ดิน
บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างต้องชำระภาษีที่ดินเป็นประจำทุกปี ซึ่งอัตราภาษีที่รัฐจัดเก็บขึ้นอยู่กับมูลค่าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ad valorem tax)ซึ่งมีมูลค่าแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด
  • ภาษีรายได้รวม
รัฐบาลจังหวัดจะจัดเก็บภาษีรายได้รวมเป็นจำทุกเดือน โดยมีเพดานภาษีที่เรียกเก็บ 3 อัตรา ได้แก่ อัตราร้อยละ 3-3.5 สำหรับภาคธุรกิจ ร้อยละ 1.5 สำหรับภาคอุตสาหกรรม และร้อยละ 1-1.5 สำหรับภาคการเกษตร หรือตามที่รัฐบาลจังหวัดกำหนดไว้
 
ภาษีรายได้รวมมีความแตกต่างจากภาษีรายได้ที่รัฐบาลกลางจัดเก็บในแง่ที่รัฐบาลจังหวัดจะไม่คำนึกถึงการขายทรัพย์สิน (capital gain) แต่จะคำนวณภาษีจากจำนวนใบเสร็จที่บริษัทออกสำหรับการขายสินค้าและบริการเท่านั้น
  •  ภาษีเทศบาล
เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ ภาษีเทศบาล คือ ภาษีที่ทุกครัวเรือนและอาคารต้องจ่ายให้กับเทศบาลสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการให้บริหารสาธารณะต่างๆ โดยจำนวนเงินที่ต้องชำระจะขึ้นอยู่กับเขตเทศบาลแต่ละแห่ง และประเภทของอาคาร