ข้อมูลการจัดตั้งธุรกิจ

 

รัฐบาลอาร์เจนตินาเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในประเทศได้หลายรูปแบบตามวัตถุประสงค์และยุทธศาสตร์ของบริษัท รูปแบบองค์กรธุรกิจที่สำคัญมี 3 รูปแบบ ได้แก่ 1) กิจการเจ้าของคนเดียว (sole proprietorship) 2) บรรษัท (incorporated company) และ 3) บริษัทจำกัด (limited liability company) นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งที่นักลงทุนต่างชาตินิยมมาก คือ การจัดตั้งบริษัทสาขาย่อย (Foreign Subsidiary) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในภาคการบริการ อาทิ ธนาคารและร้านอาหาร เป็นต้น

 

กิจการเจ้าของคนเดียว

เป็นองค์กรธุรกิจที่เจ้าของกิจการเป็นผู้ลงทุนและผู้รับความเสี่ยงรวมทั้งผลประโยชน์ที่ได้แต่เพียงผู้เดียว ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล แต่นักลงทุนต่างชาติจะต้องได้รับการตรวจลงตราที่อนุญาตให้สามารถประกอบธุรกิจในอาร์เจนตินาจากสถานเอกอัครราชทูตอาร์เจนตินาก่อน อีกทั้ง จะต้องมีใบอนุญาตและจดทะเบียนพาณิชย์ตามกฎหมายท้องถิ่นด้วย นักลงทุนต่างชาติส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมที่จะลงทุนในประเภทนี้ เพราะมีความเสี่ยงสูงและใช้เวลานานในการดำเนินการเพื่อจัดตั้งธุรกิจ ประมาณ 2-3 ปีเป็นอย่างน้อย การลงทุนลักษณะนี้เหมาะกับชาวต่างชาติที่ได้ย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่อาร์เจนตินาแล้ว

 

บรรษัท

ขั้นตอนการจดทะเบียนบรรษัทสำหรับนักลงทุนต่างชาติในอาร์เจนตินา คือ การยื่นขอจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลและจัดตั้งบรรษัทหรือที่มีชื่อเรียกเป็นภาษาสเปนว่า Sociedades Anónimas-S.A. กับ National Public Registry of Commerce www.jus.gov.ar/IGJ ซึ่งอยู่ภายใต้กระทรวงยุติธรรมโดยจะต้องระบุจำนวนทุนที่ขอจดทะเบียน ราคาและจำนวนหุ้นที่แบ่ง พร้อมด้วยรายชื่อของผู้ถือหุ้น/ผู้แทน การลงทุนประเภทนี้ไม่มีข้อกำหนดเกี่ยวกับทุนจดทะเทียนขั้นต่ำ และไม่จำเป็นต้องเปิดขายหุ้นให้กับสาธารณะ แต่ต้องมีผู้ถือหุ้นอย่างน้อย 2 คนขึ้นไป นักลงทุนจะรับผิดชอบเฉพาะเงินที่นำมาลงทุนในหุ้น เว้นแต่จะมีการกำหนดไว้ล่วงหน้าในหนังสือการจัดตั้งบริษัท (statute of the company)

 

บรรษัทจะบริหารจัดการโดยคณะกรรมการบริหาร ซึ่งอย่างน้อยจะต้องมีผู้ถือหุ้นหรือผู้แทน 1 คนขึ้นไปเป็นกรรมการ โดยไม่มีข้อกำหนดในเรื่องของสัญชาติ แต่สมาชิกจำนวนเกินครึ่งจะต้องมีถิ่นพำนักถาวรอยู่ในอาร์เจนตินา คณะกรรมการบริหารมีอำนาจหน้าที่ในการแต่งตั้งผู้จัดการและประธานกรรมการ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลและบริหารกิจกรรมประจำวันต่างๆ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารทุกคนมีความรับผิดชอบทางกฎหมายเท่าเทียมกันการลงทุนในลักษณะนี้จะเป็นที่นิยมของกลุ่มบริษัทข้ามชาติใหญ่ๆ เช่น บริษัทผลิตรถยนต์

 

เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ กฎหมายท้องถิ่นกำหนดให้มีการตรวจสอบและความคุมภายในและภายนอก (internal & external audit) ของบริษัทอยู่เป็นประจำ โดย National Public Registry of Commerce จะทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมภายนอก

 



บริษัทจำกัด

บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนจำกัดมีลักษณะทั่วไปคล้ายกับบรรษัท แต่จะไม่อนุญาตให้บรรษัทมาถือหุ้นในบริษัทจำกัดและขายหุ้นให้กับสาธารณะได้ ตลอดจนจะมีผู้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 50 คน หากมีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นเมื่อใดจะต้องรายงานให้ National Public Registry of Commerce ทราบและแก้ไขหนังสือการจัดตั้งบริษัททุกครั้ง

 

ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัทจำกัดในอาร์เจนตินาจะต้องดำเนินการผ่าน National Public Registry of Commerce เช่นกัน แต่จะมีขั้นตอนที่น้อยกว่าการจัดตั้งบรรษัท ในขณะเดียวกัน ผู้ถือหุ้นต้องรับผิด โดยจำกัดเพียงไม่เกินเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือหรือที่กำหนดอยู่ใน Partnership Agreement นอกจากนี้ จะมีผู้จัดการใหญ่ (General Manager)เป็นผู้ดูแลและบริหารกิจกรรมประจำวันต่างๆ ถึงแม้ไม่มีข้อกำหนดเรื่องสัญชาติของผู้จัดการใหญ่ แต่บุคคลดังกล่าวจะต้องมีถิ่นพำนักถาวรอยู่ในอาร์เจนตินา อีกทั้ง ผู้จัดการใหญ่จะเป็นตัวแทนของบริษัทและมีความรับผิดชอบทางกฎหมายแต่เพียงผู้เดียว

 

โดยที่การจัดตั้งบริษัทจำกัดมีขั้นตอนที่สะดวกและมีความเสี่ยงน้อยกว่ารูปแบบอื่นๆ ตลอดจนมีโครงสร้างการบริหารงานที่ไม่ซับซอนมากนัก ดังนั้น นักลงทุนต่างชาติที่มิใช่เป็นบริษัทข้ามชาติส่วนใหญ่มักจะนิยมลงทุนในรูปแบบนี้มากที่สุด

 

การจัดตั้งบริษัทสาขาย่อย

นอกเหนือจากรูปแบบองค์กรธุรกิจที่กล่าวถึงข้างต้น ปัจจุบัน มีนักลงทุนต่างชาติที่จัดตั้งบริษัทสาขาย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในภาคการบริการ โดยเฉพาะร้านอาหารประเภท Fast Foods ต่างๆ อาทิ MacDonald,Bugger King และ Starbucks ซึ่งได้ซื้อแฟรนไชส์จากบริษัทแม่และเปิดสาขาย่อยในอาร์เจนตินา การจัดตั้งบริษัทสาขาย่อยเหล่านี้มีความแตกต่างจากการจัดตั้งธุรกิจในรูปแบบอื่นๆ ในแง่ของความรับผิดชอบ นักลงทุนมิใช่รับผิดชอบเฉพาะเงินที่นำมาลงทุนในอาร์เจนตินาเท่านั้น แต่บริษัทแม่จะต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบทางด้านกฎหมายด้วย นอกจากนี้ การลงทุนในลักษณะนี้จะต้องมีการแต่งตั้งผู้แทนท้องถิ่นที่มีอำนาจ power of attorney และเป็นผู้แทนของบริษัทแม่อย่างถูกต้องตามกฎหมายท้องถิ่นด้วย       

 

กลไกสนับสนุนนักลงทุนต่างชาติในอาร์เจนตินา

กลไกหลักที่ช่วยสนับสนุนการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในอาร์เจนตินา คือ Foreign Investment Law เลขที่ 21.382 โดยกฎหมายดังกล่าวระบุว่าบริษัทที่มีผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วนเป็นบุคคลหรือบริษัทต่างชาติที่มีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 49 ขึ้นไปถือว่าเป็น “local foreign owned company” ซึ่งจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ รายละเอียดของสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีต่างๆ สำหรับนักลงทุนต่างชาติจะกำหนดโดยกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจและเขตการลงทุน อาทิ การลงทุนด้านเหมืองแร่ รัฐธรรมนูญปี ค.ศ. 1994 ของอาร์เจนตินากำหนดให้รัฐบาลจังหวัดมีอำนาจในการบริการจัดการทรัยกรธรรมชาติภายในจังหวัดของตนได้อย่างเป็นอิสระ ดังนั้น แต่ละจังหวัดอาจมีสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันสำหรับการลงทุนด้านดังกล่าว

 

Foreign Investment Law เลขที่ 21.382 ได้ยึดมั่นในหลักสากลและการไม่เลือกประติบัติ (non-discrimination) ดังนั้น นักลงทุนต่างชาติจะได้รับความคุ้นครองทางกฎหมายและมีสิทธิกู้ยืนเงินจากธนาคารในประเทศภายใต้เงื่อนไขเดียวกับนักธุรกิจท้องถิ่น กฎหมายดังกล่าวเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้าไปลงทุนในอาร์เจนตินาได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องขออนุญาตเป็นการล่วงหน้า ยกเว้นธุรกิจบางประเภท เช่น ธนาคาร บริษัทประกันภัย และการซื้อที่ดิน (real estate) ในบริเวณชายแดนหรือพื้นที่ ซึ่งอาจมีความเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ นักลงทุนต่างชาติจะต้องขออนุญาตจากรัฐบาลอาร์เจนตินาเป็นการล่วงหน้าก่อนจึงจะสามารถลงทุนในสาขาต่างๆ ดังกล่าวได้

 

Foreign Investment Law เลขที่ 21.382 ยังกำหนดเงื่อนไขการโอนเงินตราต่างประเทศ ไว้ว่า นักลงทุนจะสามารถโอนเงินทุนและผลกำไรออกนอกประเทศได้หลังจาก 365 วัน นับตั้งแต่การโอนเงินเข้าประเทศในครั้งแรก ยกเว้นกรณีที่เป็นการลงทุนร่วมกับบริษัทท้องถิ่นหรือเป็นการซื้ออสังหาริมทรัพย์และที่ดินไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าว

 

นอกเหนือจาก Foreign Investment Law รัฐบาลอาร์เจนตินาได้จัดทำความตกลงเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน (Bilateral Investment Treaty) กับนานาประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งวันที่ 7 มี.ค. 2545 เป็นต้นมา ความตกลงดังกล่าวกำหนดให้นักลงทุนไทยจะได้รับความคุ้มครองในกรณีต่างๆ อาทิ หากนักลงทุนไทยได้รับการปฏิบัติที่น้อยกว่านักธุรกิจอาร์เจนตินาหรือสัญชาติอื่นๆ หรือทรัพย์สินของนักลงทุนถูกเว้นคืนทางตรง (การยึดทรัพย์สินมาเป็นของรัฐ) หรือทางอ้อม โดยไม่ได้รับค่าชดเชยที่เป็นธรรม ตลอดจนนักลงทุนไทยไม่สามารถโอนเงินและผลกำไรโดยเสรีเนื่องจากมาตรการที่ออกโดยรัฐ หากเกิดข้อพิพาทนักลงทุนไทยมีสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายได้ด้วยตนเองกับกระบวนการศาลภายในอาร์เจนตินาหรือจะเสนอข้อพิพาทเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อยุติขอพิพาทในการลงทุน (International Center for Settlement of Investment Disputes - ICSID) ของธนาคารโลกก็ได้ นอกจากนี้ ความตกลงดังกล่าวยังให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เช่น สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า และลิขสิทธิ์ของนักธุรกิจไทยด้วย สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Agreement between Thailand-Argentina for the Promotion and Reciprocal Protection of Investments ได้ที่เว็บไซด์ www.unctadxi.org/templates/docsearch.aspx?id=779

 

การโอนเงินตราต่างประเทศ

ตามปกติ นักลงทุนต่างชาติไม่ต้องขออนุญาตจากธนาคารกลางก่อนการโอนเงินเข้าประเทศเพื่อการลงทุน เนื่องจากธนาคารกลางมอบอำนาจให้ธนาคารพาณิชย์เป็นผู้ควบคุมและตรวจสอบกิจกรรมดังกล่าว แต่ธนาคารพาณิชย์มีหน้าที่ต้องรายงานให้ธนาคารกลางทราบทุกครั้งเมื่อมีการโอนเงินตราเข้าหรือออกนอกประเทศอย่างไรก็ดี นักลงทุนจะสามารถโอนเงินทุนและผลกำไรออกนอกประเทศได้หลังจาก 365 วัน นับตั้งแต่การโอนเงินเข้าประเทศในครั้งแรก

 

รัฐบาลอาร์เจนตินาเริ่มประกาศใช้มาตรการควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา ตปท. (เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ) ใหม่ เมื่อเดือน ต.ค. 2554 โดยหน่วยงาน Federal Public Income Administration (AFIP) ได้ประกาศใช้ General Resolution No. 3210 “Foreign Exchange Consultation Programme” โดยกำหนดให้สถาบันซื้อขายเงินตรา ตปท. ทุกแห่งที่ได้รับการรับรองจากธนาคารกลางต้องรายงานการซื้อขายเงินตรา ตปท. และจำนวนเงินเพื่อขออนุมัติจาก AFIP ทางระบบ on-line ก่อนทุกครั้ง ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่ประสงค์จะแลกเปลี่ยนเงินตรา ตปท. ก่อนการโอนเงินออกนอกประเทศจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนดังกล่าวด้วย ดังนั้น การโอนเงินทุนและผลกำไรออกนอกประเทศจึงมีความยากลำบากและใช้เวลานานขึ้น 

                                  

การซื้อหรือเช่าอาคารที่ทำการ

หน่วยงาน National Civil Code หรือสำนักงานเขตของแต่ละพื้นที่มีหน้าที่กำกับดูแลการซื้ออาคารและการก่อสร้างอาคารต่างๆ อีกทั้ง จะต้องรายงานให้ AFIP ทราบทุกครั้งว่าแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อและก่อสร้างอาคารมาจากที่ไหนในกรณีเช่าอาคารที่ทำการ ซึ่งจะสะดวกและรวดเร็วกว่าการซื้อหรือการก่อสร้างอาคารใหม่ นักธุรกิจสามารถเจรจาต่อรองกับเจ้าของอาคารได้ด้วยตนเองหรือใช้นายหน้า (ส่วนใหญ่จะนิยมใช้นายหน้า) เมื่อสามารถตกลงค่าเช่าและจัดทำสัญญาเช่าเสร็จแล้ว ผู้เช่าและเจ้าของอาคารจะต้องลงนามพร้อมกันต่อหน้า Notary Public ซึ่งจะเป็นผู้รับรองลายมือชื่อของทั้งสองฝ่าย ตามธรรมเนียมปฏิบัติท้องถิ่น เจ้าของอาคารมีสิทธิที่จะเรียกเก็บเงินมัดจำเป็นจำนวนเงินเท่ากับค่าเช่า 1 เดือน พร้อมทั้งเรียกเก็บค่าเช่าล่วงหน้าเป็นเวลา 2 เดือน อีกทั้ง อาจจะต้องมีผู้ค้ำประกันให้กับผู้เช่าด้วย

 

ระยะเวลาของสัญญาเช่าทั่วไปขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้อาคาร หากใช้เป็นที่อยู่อาศัยจะมีอายุอย่างน้อย 2 ปีจนถึง 10 ปี ในขณะที่ สัญญาเช่าอาคารที่ทำการ จะมีอายุอย่างน้อย 3 ปีขึ้นไป

 

นอกเหนือจากค่าเช่าและค่าสาธารณูปโภคต่างๆ ผู้เช่ามีภาระที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายส่วนกลาง กรณีที่เป็นอาคารที่มีสำนักงาน อื่นๆ รวมอยู่ด้วย และภาษีท้องถิ่นต่างๆ   

    

ค่าเช่าพื้นที่สำนักงาน / โรงงาน

 

  • กรุงบัวโนสไอเรส

พื้นที่สำนักงาน

·       ใจกลางเมือง: ประมาณ 15 - 32 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน (เฉลี่ย 24 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน)

·       โซนทิศเหนือของเมือง: ประมาณ 14 - 30 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน (เฉลี่ย 22 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน) 

·       โซนทิศใต้ของเมือง: ประมาณ 10 - 24 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน (เฉลี่ย 16 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน)

โรงงาน

·       โซนทิศเหนือของเมือง: ประมาณ 2 - 8 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน (เฉลี่ย 4 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน)

·       โซนทิศใต้ของเมือง: ประมาณ 2 - 5 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน (เฉลี่ย 3 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน)

  • จังหวัด Cordoba

พื้นที่สำนักงาน

·       ประมาณ 5 - 12 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน (เฉลี่ย 8 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน)

โรงงาน

·       ประมาณ 1 - 4 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน (เฉลี่ย 2 ดอลลาร์สหรัฐ/ตร.ม./เดือน)

(ข้อมูล ณ ปี 2556)                             

 

การว่าจ้างพนักงาน

กฎหมายที่ 20744 ว่าด้วยการจัดทำสัญญาการจ้างงาน มาตรา 80 กำหนดให้นายจ้างต้องปฏิบัติตามข้อผูกพันที่มีต่อสหภาพแรงงาน เช่น การออกใบรับรองการผ่านงานและการชำระเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม ซึ่งนายจ้างสามารถจ่ายเงินสมทบแก่ระบบประกันสังคมและกองทุนสหภาพแรงงานได้โดยตรงหรือผ่านทางตัวแทน ในสัดส่วนร้อยละ 17-21 ของเงินเดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของธุรกิจ ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อผูกพันในสัญญาการว่าจ้างการทำงานทั่วไป อีกทั้ง นายจ้างยังมีพันธะที่ต้องจัดทำประกันสุขภาพ และประกันความเสี่ยงจากการทำงานให้กับพนักงานด้วย

 

ข้อมูลเพิ่มเติม             

ปัจจุบัน หน่วยงานหลักที่ส่งเสริมและดูแลภาพรวมเกี่ยวกับการลงทุนในอาร์เจนตินา คือ Undersecretariat of Investment Development สังกัดกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจะช่วยให้การสนับสนุนทางด้านข้อมูลและอำนวยความสะดวกต่างๆ แก่นักลงทุนต่างชาติที่สนใจจะลงทุนในอาร์เจนตินา สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซด์ของหน่วยงานดังกล่าวที่  www.prosperar.gov.ar/en

 

เช่นเดียวกับประเทศส่วนใหญ่ การประกอบธุรกิจใดๆ หรือการจัดตั้งโรงงานจะต้องมีใบอนุญาต ซึ่งขั้นตอนการขอใบอนุญาตต่างๆ ในอาร์เจนตินายังมีความยากลำบากและซับซ้อน ซึ่งเป็นอุปสรรคที่สำคัญประการหนึ่งสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ในขณะเดียวกัน รัฐบาลอาร์เจนตินามีการเปลี่ยนแปลงและแก้ไขกฎระเบียบอยู่ตลอดเวลา (Policy Instability) ดังนั้น นักธุรกิจที่สนใจจะลงทุนในอาร์เจนตินามีความจำเป็นต้องว่าจ้างทนายความท้องถิ่นเพื่อเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย

 

นอกจากนี้ ตามรายงาน ““Foreign Direct Investment in Latin America and the Caribbean 2010” ของเลขาธิการ คกก. เศรษฐกิจแห่งลาตินอเมริกาและแคริบเบียน (ECLAC หรือ CEPAL) ระบุว่า ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับการลงทุนในอาร์เจนตินา ได้แก่ สภาวะเงินเฟ้อ (Inflation) ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันสูงเป็นอันดับสองในภูมิภาคลาตินอเมริกา รองจากเวเนซุเอลา ซึ่งส่งผลให้นักธุรกิจไม่สามารถวางแผนการผลิตและลงทุนได้ เพราะไม่มีความมั่นใจในราคาวัตถุดิบที่ต้องซื้อและการตั้งราคาที่เหมาะสมเพื่อคงไว้ซึ่งกำไร นอกจากนี้ ยังมีปัญหาการคอรัปชั่น (Corruption) อีกทั้ง อาร์เจนตินามีกฎหมายให้ความคุ้มครองสิทธิทางด้านแรงงานอย่างมาก (Restrictive Labor Regulations) และสหภาพแรงงานที่มีอิทธิพล ซึ่งมีการประท้วงอยู่เป็นประจำ ส่งผลให้มีการหยุดงานและชะลอการผลิตตามมา 

 

การร่วมลงทุนกับนักธุรกิจอาร์เจนตินาในลักษณะของบริษัทจำกัดอาจมีความเหมาะสมที่สุดสำหรับการลงทุนในอาร์เจนตินา ซึ่งจะสะดวกและมีความเสี่ยงน้อยกว่ารูปแบบอื่นๆ โดยเฉพาะหากนักธุรกิจดังกล่าวมีโรงงานหรือบริษัทที่จัดตั้งขึ้นแล้ว ซึ่งการลงทุนในลักษณะนี้เป็นการลงทุนที่นักธุรกิจต่างชาตินิยมมากที่สุด อาทิ นักธุรกิจจีนที่เข้าไปลงทุนในอาร์เจนตินาส่วนใหญ่มักจะมีนักธุรกิจอาร์เจนตินาร่วมเป็นหุ้นส่วนอยู่ด้วย