ด้วยอาร์เจนตินากำลังเผชิญกับสภาวะภัยแล้งในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในบริเวณ Pampas ซึ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงวัวและเพาะปลูกที่สำคัญที่สุดของอาร์เจนตินา ศูนย์ BIC จึงขอรายงานเรื่องดังกล่าวและผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการประมวลข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อมวลชนต่างๆ ดังนี้
ปริมาณฝนในเดือน ธ.ค. 2554 ลดน้อยลงมาก โดยมีปริมาณฝนเพียง 10-50 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับ 60-100 มิลลิเมตร ในปี 2553 ซึ่งคาดว่าเป็นผลกระทบจากปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) ซึ่งทำให้มีฝนอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าปกติ จังหวัดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ จังหวัดบัวโนสไอเรส Santa Fe และ Cordoba ซึ่งเป็นพื้นที่เพาะปลูกที่สำคัญที่สุดของอาร์เจนตินา โดยปกติพื้นที่ดังกล่าวจะมีปริมาณฝนประมาณ 150 มิลลิเมตร แต่ปัจจุบันมีปริมาณฝนเพียง 20-25 มิลลิเมตร ถึงแม้พยากรณ์อากาศคาดว่า จะมีฝนเพิ่มขึ้นภายในสัปดาห์หน้า แต่หลายฝ่ายเห็นพ้องว่า คงจะไม่เพียงพอที่จะฟื้นฟูผลผลิตได้อย่างฉับพลัน
นาย Oscar Solís รองปลัดกระทรวงเกษตรชี้แจงว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ชะลอการเพาะปลูกออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากสภาวะภัยแล้ง (ตามรายงานประจำสัปดาห์ของกระทรวงเกษตรเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2555 มีการเพาะปลูกข้าวโพดร้อยละ 80 จากพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดทั้งหมด) ดังนั้น นาย Solis คาดว่า ผลผลิตของธัญพืชทั้งหมดในปี 2555 จะมีประมาณ 100 ล้านตัน ซึ่งน้อยกว่าที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ประมาณ 10 ล้านตัน อันเป็นผลจากผลผลิตของข้าวโพดที่ลดน้อยลง
ถึงแม้การเพาะปลูกถั่วเหลืองจะมีปริมาณสูงถึงร้อยละ 90 จากพื้นที่เพาะปลูกทั้งหมด แต่พื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองส่วนใหญ่กำลังเผชิญกับสภาวะภัยแล้ง ซึ่งคาดว่า น่าจะส่งผลให้ผลผลิตของถั่วเหลือง ซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างรายได้หลักของประเทศ ลดน้อยลงเช่นกัน ตามรายงานของ La Rioja Rural Society ชมรมผู้ผลิตสินค้าเกษตรรายใหญ่ของอาร์เจนตินาพบว่า ร้อยละ 90 ของข้าวโพดที่ปลูกได้รับความเสียหายแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตของข้าวโพดในปี 2555 มีจำนวนลดลงอย่างแน่นอน 10 ล้านตัน และอาจจะลดลงอีก 10 ล้านต้น ในสภาวะภัยแล้งปัจจุบัน ซึ่งจะส่งผลให้ยอดผลิตของข้าวโพดในปีนี้เหลือเพียง 10 ล้านตัน จากที่เคยตั้งเป้าหมายไว้ที่ 30 ล้านตัน ในภาพรวม La Rioja Rural Society ประเมินความเสียหายทั้งหมดจากภัยแล้งในครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
สืบเนื่องจากสภาวะภัยแล้ง นาย Norberto Yauhar รมว. กระทรวงเกษตรกำหนดที่จะจัดประชุม National Agricultural Emergencies and Disasters ในวันที่ 12 ม.ค. 2554 เพื่อประเมินสถานการณ์และแสวงหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา นาย Yauhar ชี้แจงว่า รัฐบาลมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเป็นกรณีไปแบบ“surgical” เนื่องจากสภาวะภัยแล้งในแต่ละพื้นที่มีความรุนแรงแตกต่างกัน อาทิ จังหวัด Santa Fe ได้รับผลกระทบมากที่สุด รัฐบาลจึงมีแผนการที่จะให้เงินช่วยเหลือประมาณ 15 ล้านเปโซ และจะประเมินความเสียหายในจังหวัดอื่นๆ ต่อไป อย่างไรก็ดี นาย Yauhuar ชี้แจงเพิ่มเติมว่า จะไม่มีการระดมเงินทุนเพิ่มเติมในชั้นนี้ ปัจจุบัน รัฐบาลอาร์เจนตินามีเงินทุนประมาณ 500 ล้านเปโซ สำหรับให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
นอกเหนือจากอาร์เจนตินา ประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ อาทิ บราซิลและปารากวัย ก็กำลังเผชิญกับสภาวะภัยแล้งเช่นกัน ล่าสุด นาย Andrés Werihe รมช. กระทรวงเกษตรปารากวัย ชี้แจงว่า ถั่วเหลือง ข้าวโพด และฝ้ายจะมีผลผลิตลดน้อยลงถึงร้อยละ 40 ในปี 2555 ดังนั้น ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า โดยที่อาร์เจนตินาเป็นผู้ส่งออกถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดของโลกและผู้ส่งออกข้าวโพดเป็นอันดับ 2 รองจากสหรัฐ สภาวะภัยแล้งในอาร์เจนตินาย่อมจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลก ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นอีก (ปัจจุบันก็มีราคาสูงอยู่แล้ว เนื่องจากสภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ และยุโรปเมื่อปีที่ผ่านมา)
สภาวะภัยแล้งเป็นปัญหาด้านภูมิอากาศที่ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อปี ค.ศ. 2008-2009 อาร์เจนตินาก็ได้เผชิญกับปัญหาดังกล่าว ดังนั้น รัฐบาลอาร์เจนตินาจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบชลประทานเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการเกษตรในปัจจุบันส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลัก